เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๓ ต.ค. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เราเป็นชาวพุทธนะ พุทธศาสนาสอนถึงตัวเรา สอนถึงหัวใจของเรา หัวใจของเราเห็นไหม เราเป็นชาวพุทธ พุทธศาสนา สีเลนะสุคะติง ยันติ, สีเลนะโภคะสัมปะทา ผู้ใดมีศีลมีธรรม นี่สีเลนะสุคะติง ยันติ มีความสุข มีความร่มเย็นเป็นสุข สีเลนะโภคะสัมปะทา จะเกิดโภคทรัพย์ เห็นไหม เราต้องทำบุญกุศลของเรา เราทำบุญกุศลของเราเพื่อเสียสละ

บุญคืออะไร บุญคือความร่มเย็นของใจ ใจนี่มันมีการเสียสละ คนไม่เข้าใจนะ คนเป็นฝีเป็นหนองมันจะปวดมาก มันจะมีความดันของความเจ็บความปวด เวลาเราบ่งมันแล้ว ความเจ็บความปวดมันหายหมดเลย

หัวใจของเรามันโดนหมักหมมไว้ด้วยกิเลสตัณหาความทะยานอยาก แต่มันเป็นความวิตกกังวลโดยที่เราไม่รู้ตัว เราไม่รู้ตัวนะ พอเราเสียสละออกไปมันเหมือนรีไซเคิล มันมีการเสียสละออกไป โดยกิเลสตัณหาความทะยานอยากมันไม่ยอมทำหรอก มันทำไม่ได้ เห็นไหม มันว่าคนที่ทำนี่เป็นผู้ที่เสียเปรียบ คนที่ได้รับถึงจะเป็นบุญกุศล มันได้รับอะไร..

นี่การเสียสละ การจาคะเพื่อบุญกุศลของเรา เพื่อหัวใจ เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของเรา แต่โลกมันมองไม่เห็น โลกไม่เข้าใจ โลกเข้าใจไม่ได้หรอก เวลาเรื่องบุญกุศลยังเข้าใจไม่ได้ เห็นไหม แล้วเรื่องภาวนาด้วยนะยิ่งคนละเรื่องเลย คนละเรื่องเดียวกันเลยนะ

เวลาภาวนาขึ้นมานี่สมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้น ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอามาวิตกวิจารกัน มันไม่เป็นสมบัติของตัวแม้แต่นิดเดียวเลย แต่ถ้าเป็นสมบัติของตัวนะ จะพูดอย่างที่เขาพูดกันไม่ได้หรอก เพราะว่าพูดอย่างที่เขาพูดกัน เห็นไหม นี่สุตมยปัญญา จินตมยปัญญา ภาวนามยปัญญา ปัญญาในการชำระกิเลส ไม่ใช่ปัญญาอย่างนั้นหรอก มันไม่ใช่ปัญญาการจำมา ไม่ใช่ปัญญาการท่องจำหรอก

การท่องจำมา แล้วตรรกะนะแยกแยะออกมามันกบในกะลาไง ความคิดในขันธ์ ความคิดในอวิชชา ความคิดในการครอบงำของกิเลส มันเป็นไปไม่ได้หรอก! มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ตรรกะทางโลกเชื่อกันอย่างนั้น เชื่อกันว่าใครมีปฏิภาณไหวพริบ ปฏิภาณไหวพริบอย่างนี้มันเป็นปฏิภาณของกิเลสนะ กิเลสมันหลบในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กิเลสมันบังเงาไง มันบังเงาอยู่ในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็เลียบเคียงไปในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นี่ธรรมะว่าง..ว่าง.. ว่างสิ ว่างเพราะอะไร ว่างเหมือนเด็กไง เด็กมันอยู่กับพ่อแม่ พ่อแม่ควบคุมอยู่นะ นี่เด็กเป็นคนดีทั้งนั้นแหละ ถ้ามันพ้นจากสายตาพ่อแม่มันไป มันคบเพื่อนมัน มันจะทำตัวของมันอย่างไร

จิตก็เหมือนกัน เวลามันอยู่กับธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ โอ๊ย นี่เสียสละนะ นี่เป็นศีลเป็นธรรมนะ สิ่งนี้เป็นคุณงามความดีนะ แต่ถ้ามันพ้นออกมาจากธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้ามันคิดโดยอิสระ คิดโดยตัวมันเอง มันยอมไหม มันเป็นอย่างนั้นไหม มันไม่ยอมเป็นอย่างนั้น

นี่ไงความคิดในกะลา ความคิดในกะโหลก กะโหลกของเราคือสัญญา คือความจำของเรา ในกะโหลกเราคิดได้แค่นี้แหละ ในขันธ์ ๕ นี่ ในอวิชชานี่ แต่ธรรมะนี่ธรรมะเหนือธรรมชาติ มันทะลุออกไป ภาวนามยปัญญานี่มันทำลายกะโหลกอันนี้ ทุบกะโหลกทิ้งเลย ทุบกะโหลกมันก็ตายสิ เห็นไหม ดูสิเวลาเกิดอุบัติเหตุนี่หัวฟาดพื้นเลือดคั่งในสมองตายหมดเลย การทุบนี่

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเลย บอกว่าเวลาตัดป่าแต่ไม่ตัดต้นไม้เลย ตัดความรกชัฏของใจ ตัดความรกชัฏคือกิเลสตัณหาความทะยานอยาก แต่ต้นไม้อยู่ครบ ไม่มีสิ่งใดบุบสลายเลย การตัดกิเลสคือความยึดมั่นถือมั่นของใจ

นี่ก็เหมือนกัน ทุบไอ้กะโหลก ทุบไอ้ทิฐิมานะ ทุบไอ้ความเห็นของตัว นี่ทุบมันทิ้งไป แล้วทำความสงบของใจขึ้นมา แล้ววิปัสสนาเข้ามา แล้วใช้ปัญญาของเราขึ้นมาให้มันเกิดตามความเป็นจริง มันจะเป็นความคิดนอกกะโหลก ไอ้นอกกะโหลก ไอ้ความจำอันนี้มันจะนอกกะโหลก นอกความคิดของเรา

แม้แต่ทำบุญกุศลนะ เรายังว่าบุญกุศลนั้นคืออะไร คนไม่เข้าใจเรื่องบุญนะ เวลาบุญขึ้นมานี่บุญเป็นตัวเลข คนมีเงินมีทอง เงินทองมันพูดกับเราไม่ได้.. ใจของคนดี แผ่นดินธรรมและแผ่นดินทอง ถ้าแผ่นดินธรรมนะ เรารู้จักเสียสละ เรารู้จักจาคะ ของนี่มันเป็นประโยชน์กับเรานะ แต่ถ้ามันไม่เป็นประโยชน์กับเรา ของนี้มันมีกับเรานะ มันเป็นความลำบากลำบนที่จะต้องดูแลรักษามันนะ เป็นความทุกข์ความยาก

นี่พวกเรา ใช่ เราเป็นคนทุกข์คนจนกัน เราก็ต้องทำหน้าที่หาเงินหาทอง มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่พระนี่นะ เวลาลูกศิษย์ลูกหาเขามาบ่นกันความทุกข์ความยากของเขา มันมีคนบ่นเยอะนะ บอกว่ามีเงินมีทองแต่ไม่มีใครรับผิดชอบดูแลต่อไป ลูกเต้ามันไม่เอา ลูกเต้าไปอยู่เมืองนอกกันหมด ทุกข์มาก มีโรงงานอุตสาหกรรม มีอะไรนะ แต่ไม่มีใครดูแลมันต่อ เป็นความทุกข์ เป็นความกังวล อย่างนี้ก็มี

นี่เราคิดกันอย่างนั้นไหม เราคิดแต่ว่าเราทุกข์เพราะไม่มีตังค์นะ ไอ้คนมีตังค์มันก็ทุกข์นะ มันทุกข์เพราะไม่มีใครมารับช่วงดูแลของมัน ทุกข์มาก! ทุกข์มาก! เห็นไหม นี่สิ่งที่ว่าถ้าแผ่นดินธรรม ถ้าหัวใจของเราทุกข์มากขนาดไหน สิ่งที่เราหาให้เราก็หาได้แล้ว อย่างปัญญา อย่างความรู้ทางวิชาการของเขา เขาดำรงชีวิตของเขา เราดูแลของเขาได้ สิ่งนี้เขาต้องหาอยู่หากินของเขา เงินทองของเรา เราก็ให้เขาพอประมาณของเขา แล้วเราจะใช้ประโยชน์อะไรของเรา สิ่งของอย่างนี้มันเป็นของประจำโลก

นี่บุญกุศล เราเข้าใจกันว่าบุญกุศลคือความประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งหมด.. ใช่ ความประสบความสำเร็จในชีวิตมันมีตั้งหลายแง่หลายมุม แล้วมันมีความประสบความสำเร็จในชีวิตทางโลก แล้วประสบสำเร็จในชีวิตทางธรรม

หลวงตาท่านบอกว่า “คนเราเกิดมามี ๒ ตา ตาหนึ่งทางโลก เราเกิดมาอยู่กับโลก เราต้องหาอยู่หากินทางโลกของเขา ทางธรรมของเรา คือหัวใจของเรา เราจะถนอมรักษาของมันไหม”

สมบัติที่เป็นคุณค่าทางโลก สมบัติที่เป็นสมบัติพัสถาน ที่เป็นปัจจัยเครื่องอาศัยเราก็มีใช้ของเราไป แต่หัวใจของเรามันสุขหรือมันทุกข์ล่ะ มันมีความจริงจังของมันไหม มันลังเลสงสัยของมันไหม.. ชีวิตนี้คืออะไร เกิดมาจากไหน แล้วยังจะไปอีกไหม เรารักตัวเราจริงไหม

หลวงตาท่านพูดประจำ “หัวใจนี้มันต้องการเรียกร้องความช่วยเหลือ แล้วใครจะไปช่วยเหลือมัน”

เรียกร้องความช่วยเหลือ ใจแก้ใจ จิตแก้จิต ความเป็นไปของมัน ต้องเอาตัวมันแก้ตัวมันเอง ถ้าเอาตัวมันแก้มันเอง ถ้าเราไม่เข้าใจสิ่งใดๆ เลย เราไม่เข้าใจสภาวะความแวดล้อม เราไม่เข้าใจสภาวะความแวดล้อมของตัวจิต ตัวจิตมันมีสภาวะแวดล้อมของมันนะ ถ้าตัวจิตไม่มีสภาวะแวดล้อมของตัวจิต เครื่องแสดงออกของจิตมันอยู่ที่ไหน.. ความคิดนี่ อาการของใจไม่ใช่ใจ แค่สภาวะแวดล้อมของมันเราก็ไม่เข้าใจเรื่องสภาวะแวดล้อมของมัน แล้วเราจะไปหาตัวมันที่ไหน

หลวงปู่มั่นท่านพูดนะ “ปลาในสุ่ม ปลาในสุ่ม” หัวใจของเราอยู่ในร่างกายของเรา นี่ปลาในสุ่ม เวลาธรรมของหลวงปู่มั่นท่านบอกว่า ถ้าพูดถึงปลาในสุ่ม พูดถึงอริยสัจ พูดถึงสัจจะความจริง พูดถึงเรื่องของหัวใจของท่าน สภาวะแวดล้อมมันก็รู้จักอยู่แล้ว แล้วตัวใจคือตัวปลา ตัวที่มันดิ้นรนในหัวใจ ตัวที่มันดิ้นรนอยู่ในสุ่ม อยู่ในร่างกายเรานี่ จับปลาในสุ่มเห็นไหม การจับปลาในสุ่ม แล้วจับมาแล้วเพื่อประโยชน์สิ่งใด

ประโยชน์สิ่งนี้ ดูสิ เขาส่งพัสดุภัณฑ์ ไปรษณีย์ สิ่งต่างๆ ที่เขาเอาไปส่งให้ถึงที่ มันก็เป็นหน้าที่การงานของเขา เราทำบุญกุศล เราทำสิ่งต่างๆ เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพานบอกพระอานนท์นะ

“อานนท์ เธอบอกภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา บอกให้ปฏิบัติบูชาเถิด”

การปฏิบัติบูชานี่ปลาในสุ่ม การปฏิบัติบูชาคือจิตนั้นมันได้สัมผัส แล้วปลาในสุ่ม จิตนั้นมันเอาสมบัติของจิตนั้นไป ไม่ต้องเอาไปฝากไปรษณีย์ เห็นไหม เวลาทำบุญกุศลนี่ฝากไว้ เขาบอกว่าทำบุญกับพระแล้วได้บุญๆ พระจะให้บุญกับเรา..

ทำบุญกับพระเป็นปฏิคาหก แต่สัจจะความจริงอันนั้นให้บุญกับเรา นี่สัจจะความจริงไง นี่บุญกุศลอันนั้น สิ่งที่เป็นบุญกุศลนั้นมันเป็นสัจจะความจริง สัจจะความจริงต่างหากให้บุญกุศลกับเรา พระที่เป็นผู้รับมันเป็นปฏิคาหก มีผู้ให้ มีผู้รับ มีการกระทำ มีการกระทำมันก็มีผลตอบรับ สิ่งที่มีผลตอบรับนะ สิ่งที่ตอบรับมันคืออะไร มันคือสัจจะความจริงใช่ไหม สัจจะความจริง สัจจะนี้เกิดจากอามิส เกิดจากการกระทำ

แล้วสัจจะความจริง เห็นไหม ดูสิ เวลาเราจะประพฤติปฏิบัติของเรา เอาสัจจะความจริง เอาอะไรนี่ เรานั่งสมาธิภาวนา เราเอาหัวใจเข้าประสบเลย เอาหัวใจของเรานะ นี่บรรยากาศ สิ่งแวดล้อมมันร่มเย็นเป็นสุข นี่สัปปายะ สถานที่เป็นสัปปายะ อาหารเป็นสัปปายะ หมู่คณะเป็นสัปปายะ หมู่คณะนี่เวลาประพฤติปฏิบัติกัน เกื้อกูลกัน เห็นอกเห็นใจกัน นี่เป็นสัปปายะ

ถ้ามันไม่เกื้อกูลกันนะ เหมือนลิ้นกับฟัน สิ่งใดนี่ ดูสิลิ้นกับฟันมันอยู่ด้วยกัน เวลามันขบนี่เจ็บปวดน่าดูเลย คนอยู่ด้วยกัน สัปปายะ เห็นไหม ไม่เกื้อกูลกัน กระทบกระเทือนกัน ไอ้คนที่ตั้งใจจริงเขาก็มีความเสียใจ เลือดออกในหัวใจคือความวิตกกังวล แต่ถ้าหมู่คณะเป็นสัปปายะ นี่เราเกื้อกูลกัน

เราก็ปรารถนาสิ่งนี้ เราก็ต้องปรารถนาความร่มเย็นเป็นสุข เราก็ต้องปรารถนาคนที่ให้โอกาสเรา เราควรให้โอกาสคนอื่น ทำอะไรที่กระทบกระเทือนเขา ความเป็นอยู่ของเราอย่าส่งเสียงดัง อย่ากระทบกระเทือนคนอื่น นี่เป็นสัปปายะนะ ถ้าเราทำสิ่งที่ดี ทำอะไรที่ดี คนเขาก็ทำดีกับเรา เห็นไหม สีเลนะสุคะติง ยันติ, สีเลนะโภคะสัมปะทา มันเกิดโภคทรัพย์

นี่กลิ่นของศีลกลิ่นของคุณงามความดีมันหอมทวนลมนะ เราให้โอกาสกับเขา เราให้ความนุ่มนวลกับเขา เวลาไปไหนนี่คนๆ นี้ดี คนนี้ควรจะให้ความร่วมมือกับเขา เราไปอยู่ไหนก็จะมีคนคอยเกื้อกูลเรา เห็นไหม นี่ครูบาอาจารย์เป็นสัปปายะ

ถ้าครูบาอาจารย์ไม่เป็นสัปปายะนะ ถ้าครูบาอาจารย์ไม่บอกเรา พ่อแม่ไม่สอนลูก ลูกจะเอาใครเป็นตัวอย่าง ครูคนแรกของลูกคือพ่อแม่ก่อน จำจากพ่อแม่ กิริยาท่าทางต่างๆ จำจากพ่อแม่มา แล้วไปโรงเรียนกัน ครูของเราอยู่ที่โรงเรียน

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งต่างๆ สิ่งที่เป็นครูบาอาจารย์เขานี้เป็นตัวอย่างที่ดี เห็นไหม ครูบาอาจารย์ที่เป็นสัปปายะเป็นตัวอย่างที่ดี นี่ตัวอย่างความเป็นอยู่นะ ถ้าหัวใจมันไม่ดีมันจะเอาตัวอย่างที่ดีมาจากไหน ถ้าหัวใจมันดิ้นรน หัวใจมันเรียกร้อง หัวใจมันมีความคับข้องใจ กิริยาแสดงออกมามันก็เจ้าเล่ห์แสนกลทั้งนั้นแหละ เจ้าเล่ห์แสนกลนี่ฤๅษีจะกินเหี้ยไง สงบเสงี่ยมนะ เหี้ยมานั่งใกล้ๆ นี่สงบเสงี่ยม เหี้ยเข้ามาใกล้มันจะเอาไม้ฟาดหัวเหี้ย มันจะเอาเหี้ยนั่นมากินไง

นี่ก็เหมือนกัน ครูบาอาจารย์ที่เป็นสัปปายะ นี่คำว่าสิ่งที่ฤๅษีกินเหี้ย มันมีเล่ห์มีกลของเขา เขาไม่มีความจริงใจกับเรา แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ท่านจริงใจกับเรานะ จริงใจเพราะเหตุใด ใจนะถ้ามันถึงที่สุดแล้วมันเข้าไปสัมผัสกับธรรมแล้ว มันมีสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด เหมือนเรานี่เราเป็นพ่อแม่ สิ่งใดที่มีคุณค่ามีความดีกับลูก เราต้องการให้ลูกเราได้ประสบสิ่งนั้น ใจของครูบาอาจารย์นะสิ่งที่มีค่า แล้วอะไรมีค่าล่ะ

ถ้าหัวใจมันมีค่าขึ้นมาแล้ว ทรัพย์สมบัติ สิ่งต่างๆ โลกธรรม ๘ มันจะมีอะไรเป็นสิ่งที่มีค่าล่ะ ถ้าสิ่งที่ไม่มีค่ามันไม่ปรารถนากินเหี้ยไง มันกินหัวใจของตัวเองไง ไม่ปรารถนาลาภ ยศ สักการะต่างๆ เพราะลาภ ยศ สักการะ นี่โมฆบุรุษตายเพราะลาภ ตายเพราะสักการะ ตายเพราะทุกอย่างเลย เพราะเป็นโมฆบุรุษ เพราะใจมันไม่มั่นคง

นี่ถ้าครูบาอาจารย์เราใจมั่นคงแล้ว ลาภสักการะไม่สามารถสั่นคลอนหัวใจของครูบาอาจารย์เราได้นะ ถ้าลาภสักการะไม่สามารถสั่นคลอนหัวใจของครูบาอาจารย์เราได้ ครูบาอาจารย์ของเรามีหลัก ครูบาอาจารย์จะสอนอะไรให้เรา นี่ไง มันอยู่ที่สิ่งแวดล้อม มันอยู่ที่การแสดงออก มันแสดงออกถึงครูบาอาจารย์ของเราว่าจริงหรือไม่จริง

นี่ถ้ามีความเจ้าเล่ห์ก็พูดเพื่อลาภ เพื่อสักการะ นี่โมฆบุรุษตายเพราะลาภ ตายเพราะชื่อเสียง เพราะอยากดัง อยากเด่น ตายเพราะตรงนั้นแหละ แต่ถ้าครูบาอาจารย์จิตมั่นคง ไอ้สิ่งนั้นมันเป็นเหยื่อ เห็นไหม รูป รส กลิ่น เสียง เป็นบ่วงของมาร เป็นพวงดอกไม้แห่งมาร มันล่อให้ใจนี้ไปกินเหยื่อ แล้วพอกินเข้ามาแล้วเราก็มาเสียอกเสียใจ

รักเพื่อน รักหมู่คณะ แล้วเขาไม่รักเรา รักคนนู้น รักคนนี้ แล้วเขาไม่รักเรา มานั่งเสียใจ เห็นไหม นี่ไงมันกินเหยื่อเข้าไปแล้ว อ้าว.. ตัวเราก็อยู่กับเราสิ นี่เพื่อนก็คือเพื่อน สิ่งแวดล้อมนะ ถ้าเราสร้างบุญกุศลมา เพื่อนแท้ เพื่อนจริง คนเทียมมิตร มิตรแท้ มิตรจริง มิตรต่างๆ มันมีไปหมดแหละ ถ้าใจเรามั่นคงเราจะหวังพึ่งเราเองได้

คนเราเกิดมา ใช่ ต้องมีพรรคมีพวก นี่เราอยู่ทางโลก คนที่มีหมู่คณะทำอะไรก็ประสบความสำเร็จง่าย อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าเราดีจริงนะ เรามั่นคงจริงนะ หมู่คณะมันมีเองนะ แต่ถ้าเราไม่ดีจริง สิ่งต่างๆ นี่เรารักษาใจเราก่อน แล้วสิ่งที่ตามมานะ มันเป็นสิ่งที่ตามมา

ถ้าเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา นี่บุญกุศลจากข้างนอกเข้ามา เราเสียสละขึ้นมาเป็นบุญ เห็นไหม บุญก็ไม่เข้าใจ เวลาประพฤติ ศีล สมาธิ ปัญญา ยิ่งไม่รู้เรื่องเลย แต่พูดธรรมะแจ้วๆ นะ ไอ้นี่มันธรรมะในกะลา ในกะลาอันนี้มันก็ความจินตนาการของเขา แต่คนที่อยู่นอกกะลาเขารู้นะ เขาเห็นหมดแหละว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างไร เป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริง ถ้าเป็นความจริง เรามีจุดยืนของเรา

นี่สัญชัยถามพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตรว่า “คนโง่มากหรือคนฉลาดมาก”

เราต้องเข้าใจนะว่าสังคมนี่ กระแสนี่ คนเราไม่มีจุดยืนมันไปตามกระแสหมดแหละ จะว่าที่ไหนมีคนมาก มีสิ่งต่างๆ กาลามสูตร อย่าเพิ่งเชื่อ อย่าคิด เราใคร่ครวญของเรา มันเป็นจริงได้ไหม มันเป็นจริงได้ไหม.. ถ้ามันเป็นสิ่งที่มันจริงไปไม่ได้ เราจะไปเชื่อเขาทำไม

ชีวิตของเรามีคุณค่ามากกว่านั้น เราเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ มนุษย์ทุกคนเกิดมาแล้วก็อยากจะมั่งมีศรีสุข อยากจะมีอะไร ไอ้ความสุขทุกคนก็ปรารถนาแหละ แต่ความสุขในโลกนี้นะ นี่ความสุขแค่นี้เรากินความสุขเฉพาะหน้า แต่ถ้าเราทำใจของเราได้ ใจของเราจะไม่มีทุกข์ไปข้างหน้า สุขกับปัจจุบันนี้ แล้วทุกข์ข้างหน้าจะต้องแบกหาม ต้องไปใช้หนี้กรรมไปอีกมหาศาล นี่เราเอาไหม

ถ้าเราเอาปัจจุบันนี้ เห็นไหม มันจะทุกข์มันจะยากขึ้นมา เพราะความเพียรชอบ ความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ ความต่อสู้ แล้วความต่อสู้กับสิ่งใดๆ ไม่เท่ากับต่อสู้กับกิเลสของตัวเอง ไม่เท่ากับต่อสู้ทิฐิมานะ ต่อสู้ไอ้หัวใจที่มันดิ้นรนอยู่นี่ การต่อสู้นี้ยากที่สุด

หน้าที่การงานของเราเราก็ทำ ไม่ใช่ปฏิเสธนะ คนเราเกิดมามันต้องมีหน้าที่การงาน คนเกิดมาต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัยทั้งนั้นแหละ แต่เครื่องอาศัย เห็นไหม ๒ ตา ตาหนึ่งเราก็ทำของเรา แต่หัวใจเราก็รักษาด้วย อย่าให้มันทุกข์ยากไปกับเขา เราทำโดยความเหนื่อยยากในหน้าที่การงาน แต่หัวใจเรานี่เราเข้าใจ เราไม่ทุกข์กับเขา กับคนหนึ่งนะทำหน้าที่การงานเหนื่อยยากมาก หัวใจวิตกกังวลมาก หัวใจก็ทุกข์มาก เขาทุกข์ ๒ ชั้น ๓ ชั้นนะ

เราทุกข์ชั้นเดียว ทุกข์เพราะเกิดมาเป็นมนุษย์ มันต้องมีหน้าที่การงาน มันต้องทำงาน แต่หัวใจอย่าไปทุกข์ อย่าไปให้มันเจ็บช้ำน้ำใจจนเกินไปกว่านั้น รักษาใจของเราไว้ แล้วถ้ามีเวลานะ นั่งสมาธิภาวนาเพื่อเรานะ ทำชีวิตเพื่อเราเพื่อประโยชน์กับเรานะ นี่เป็นประโยชน์กับเรา เอวัง